สถานที่เที่ยว

สถาที่เมื่อมาถึงต้องไป

1. อ่าวมะนาว กองบิน5

 อ่าวมะนาว อยู่ในเขตกองบิน 5 กองทัพอากาศ ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหาดสะอาด มีธรรมชาติสวยงาม เหมาะแก่การเล่นน้ำเพราะทะเลไม่ลึก หรือจะเดินเล่นริมชายหาดกินลมชมวิวก็ไม่มีใครว่า ตรงข้ามกับหาดเป็น เขาล้อมหมวก ยามน้ำลดจะปรากฏสันทรายทอดยาวให้เดินไปเที่ยวชมได้นอกจากนี้บนยอดเขาล้อมหมวกยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง และบริเวณเชิงเขามี ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ให้ประชาชนได้สักการะ รวมถึงเป็นที่ตั้งของเขตอนุรักษ์พันธุ์ค่างแว่น นักท่องเที่ยวจึงมีโอกาสได้เห็นค่างแว่นที่หาชมยากกันด้วย

 สำหรับอ่าวมะนาวเคยเป็นยุทธภูมิในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างกองทัพไทยและกองทัพญี่ปุ่น ปัจจุบันภายในกองบินจะเห็น “อนุสาวรีย์วีรชน” รูปทหารอากาศในชุดนักบินยืนอยู่บนใบพัดเครื่องบิน ถือธงหันหน้าออกทะเล สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเชิดชูประวัติการต่อสู้อันกล้าหาญของนักรบแห่งกองบินน้อยที่ 5 ที่ยอมเสียสละชีวิตเป็นชาติพลีปกป้องผืนแผ่นดินไทยส่วนหนึ่งไว้ ทางราชการจึงได้สร้าง “อนุสาวรีย์วีรชน 8 ธ.ค. 84” ประดิษฐาน ณ บริเวณที่ตั้งกองบินน้อยที่ 5 และยังมี “อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5” ที่จะเห็นแท่งหินขนาดใหญ่แกะสลักจำลองฉากการต่อสู้ระหว่างกองทัพไทยกับญี่ปุ่น โดยจะมีการจัดงานวันรำลึกวีรกรรม 8 ธันวาคม 2484 เป็นประจำทุกปี ณ บริเวณอ่าวมะนาว

2. สะพานสราญวิถี

สะพานสราญวิถี สะพานสีแดงแห่งเมือง ประจวบฯ ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ซึ่งคนเก่าคนแก่หรือคนในพื้นที่นั้น จะรู้จักกันในชื่อของ สะพานปลาประจวบ นั่นเองค่ะ เพราะเมื่อก่อนนั้นเคยเป็นสะพานปลาของอ่าวประจวบมาก่อนค่ะ แต่ต่อมาก็มีการยกเลิกใช้สะพานปลาไป ทางจังหวัดเลยได้ปรับปรุงและซ่อมแซมใหม่ โดยทำออกมาให้ล้อกับสถานีรถไฟ และยังมีการปรับปรังภูมิทัศน์ในบริเวณนี้ให้สวยมากยิ่งขึ้น เลยทำให้ที่นี่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คสวยๆส่วนชื่อของ สะพานสราญวิถี นั้น ก็ได้ขอพระราชทานมาจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาค่ะ โดยคำว่า สราญวิถี นั้นหมายถึง สะพานแห่งความสุขสำราญ และยังได้พระราชทานพระราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ มาประทับที่ป้ายชื่อของสะพานอีกด้วย

3.อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ

เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของวงการวิทยาศาสตร์ไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงคำนวณไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปี ว่าจะมองเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอแห่งนี้

ความสำคัญของอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งนี้มีความเป็นมายาวนานและได้สั่นสะเทือนวงการวิทยาศาสตร์ไทย ยิ่งนัก เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงคำนวนไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปีว่าจะมองเห็นสุริยุปราคา เต็มดวงจากอุทยานฯ แห่งนี้ และเมื่อถึงเวลา ได้เสด็จฯ มาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองพร้อมกับ นักวิทยาศาสตร์และทูตานุทูตจากประเทศต่าง ๆ และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของการสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์ ขึ้นในบริเวณนี้เมื่อปี พ.ศ. 2533 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามว่า “อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ” ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการยังได้จัดตั้งให้ อุทยานฯ เป็นสถานศึกษาเพื่อขยายโอกาสในการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัจจุบันที่นี่คือแหล่งเรียนรู้ นอกห้องเรียนที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองไทยนอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมค่ายพักแรม ค่ายวิทยาศาสตร์ ค่ายสิ่งแวดล้อม ค่ายสอนน้องดูดาว ฯลฯ 

ทิ้งคำตอบไว้

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *